Articles Faith on the Day of Judgement ( Thai )
วันอาคิเราะฮฺ คือ วันกิยามะฮฺที่อัลลอฮฺจะทรงให้ทุกสรรพสิ่งได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งเพื่อการสอบสวนและการตอบแทน การที่ได้ชื่อว่า “อัล-เยาม์ อัล-อาคิรฺ” (แปลว่า วันสุดท้าย) อันเนื่องมาจากไม่มีวันใดอีกแล้วหลังจากวันดังกล่าวนี้ เพราะชาวสวรรค์ก็จะพำนักอยู่ในสวรรค์จนไม่มีวันสิ้นสุดและชาวนรกก็จะพำนัก อยู่ในนรก
- บรรดาชื่อของวันอาคิเราะฮฺ
ชื่อของวันอาคิเราะฮฺมีหลายชื่อดังต่อไปนี้
วันแห่งการตื่นขึ้น(อัล-กิยามะฮฺ), วันแห่งการฟื้นคืน(อัล-บะอฺษ์), วันแห่งการพิพากษา(อัล-ฟัศล์), วันแห่งการออกจากสุสาน(อัล-คุรูจญ์), วันแห่งการตอบแทน(อัด-ดีน), วันแห่งความนิรันดร์(อัล-คุลูด), วันแห่งการสอบสวน(อัล-หิซาบ), วันแห่งสัญญา(อัล-วะอีด), วันแห่งการชุมนุม(อัล-ญัมอฺ), วันแห่งความมึนงง(อัต-ตะฆอบุน), วันแห่งการพบเจอ(อัต-ตะลาก), วันแห่งการเบี่ยงหนี(อัต-ตะนาด), วันแห่งความสำนึก/เสียดาย(อัล-หัสเราะฮฺ), เสียงหวีดร้อง(อัศ-ศ๊อคเคาะฮฺ), ความวิบัติอันใหญ่หลวง(อัฏ-ฏอมะตุลกุบรอ), ความวุ่นวายที่มืดมัว(อัล-ฆอชิยะฮฺ), สิ่งที่จะเกิดขึ้น(อัล-วากิอะฮฺ), การเผยความจริง(อัล-ห๊ากเกาะฮฺ), ความทุกข์ยากอันสาหัส(อัล-กอริอะฮฺ)
- การศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮฺ
การศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮฺ คือ การเชื่ออย่างแน่วแน่และเชื่ออย่างสัตย์จริงในทุกสิ่งที่อัลลอฮฺและรอซูลได้ กล่าวมา ทั้งในเรื่องการฟื้นคืนชีพ การไล่ต้อนสรรพสิ่งไปยังสนามรวม(มะหฺชัรฺ) การสอบสวน สะพานศิรอฎฺ ตาชั่งวัดความดีความชั่ว สวนสวรรค์ นรก และอื่นๆที่เกิดขึ้นในวันอาคิเราะฮฺ
และ เชื่อในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อนตาย นั่นก็คือ วันสิ้นโลกและเหตุการณ์ต่างๆที่เป็นสัญลักษณ์ของวันสิ้นโลก และเชื่อในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังความตายนั่นก็คือ เชื่อในฟิตนะฮฺ(การทดสอบ)ในหลุมฝังศพ การถูกทรมานและการเสวยสุขในหลุมฝังศพ
- ความยิ่งใหญ่ของวันอาคิเราะฮฺ
การ ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺเป็นรุก่นอีมาน(หลักการศรัทธา)ที่ยิ่งใหญ่ ที่สุด ซึ่งเมื่อรวมกับหลักการศรัทธาอื่นๆ ด้วยแล้ว ก็จะชี้วัดความมั่นคงในศรัทธาของมนุษย์ผู้หนึ่ง อีกทั้งยังเป็นหลักประกันถึงความสันติสุขและความสำเร็จทั้งในโลกนี้และโลก หน้าของเขา
ด้วยความสำคัญของการศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺ พระองค์จึงได้ระบุทั้งสองประการนี้เคียงคู่กันในหลายอายะฮฺของอัลกุรอาน เช่น
1. อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า
« ذَلِكُمْ يُوعَظُ بِهِ مَنْ كَانَ يُؤْمِنُ بِاللَّهِ وَالْيَوْمِ الْآخِر »
ความว่า “ดังกล่าวมานั้นผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺ จะถูกตักเตือนให้ถือปฏิบัติ“ (อัฏ-เฏาะลาก : 2)
2. อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า
«اللَّهُ لا إِلَهَ إِلَّا هُوَ لَيَجْمَعَنَّكُمْ إِلَى يَوْمِ الْقِيَامَةِ لا رَيْبَ فِيهِ»
ความว่า “อัล ลอฮฺนั้นคือพระเจ้าซึ่งไม่มีผู้ใดที่ควรต้องได้รับการเคารพสักการะโดยเที่ยง แท้ นอกจากพระองค์เท่านั้น แน่นอนพระองค์จะทรงรวบรวมพวกเจ้าทั้งหลายสู่วันกิยามะฮฺ ซึ่งไม่มีการสงสัยใดๆ ในวันนั้น” (อัน-นิสาอ์ : 87)
3. อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า
« فَإِنْ تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْءٍ فَرُدُّوهُ إِلَى اللَّهِ وَالرَّسُولِ إِنْ كُنْتُمْ تُؤْمِنُونَ بِاللَّهِ وَالْيَوْمِ الْآخِرِ»
ความว่า “หากพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใดก็จงนำสิ่งนั้นกลับไปยังอัลลอฮฺและรอซูล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺ...” (อัน-นิสาอ์ : 59)
1. จากอัล-บัรรออ์ บิน อาซิบ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ได้กล่าวว่า
«خَرَجْنَا مَعَ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِي جَنَازَةِ ... وفيه ـ قال النبي صلى الله عليه وسلم : وَيَأْتِيهِ مَلَكَانِ فَيُجْلِسَانِهِ فَيَقُولاَنِ لَهُ : مَنْ رَبُّكَ؟ فَيَقُولُ : رَبِّيَ اللَّهُ. فَيَقُولاَنِ لَهُ : مَا دِينُكَ؟ فَيَقُولُ : دِينِيَ الْإِسْلاَمُ. فَيَقُولاَنِ لَهُ : مَا هَذَا الرَّجُلُ الَّذِي بُعِثَ فِيكُمْ؟ قَالَ فَيَقُولُ : هُوَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ...» أخرجه أحمد وأبو داود.
ความว่า “พวก เราได้ออกไปพร้อมกับท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เนื่องจากมีผู้ที่เสียชีวิตผู้หนึ่ง...(ในหะดีษมีเนื้อหาตอนหนึ่งที่นบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า ‘และแล้ว มลาอิกะฮฺสองท่านก็ได้มาหาผู้ที่เสียชีวิต(ที่ถูกฝังอยู่ในกุบูรฺ) และมลาอิกะฮฺทั้งสองจัดให้เขาได้ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับได้กล่าวแก่เขาว่า ใครคือพระเจ้าของเจ้า? ผู้ที่เสียชีวิตก็ตอบว่า พระเจ้าของฉันคืออัลลอฮฺ แล้วมลาอิกะฮฺก็เอ่ยถามเขาต่อไปว่า แล้วศาสนาของเจ้าคือศาสนาอะไร? เขาก็ตอบไปว่า ศาสนาของฉันคืออิสลาม และมลาอิกะฮฺทั้งสองก็ได้ถามเขาต่อว่า และผู้ชายที่ถูกส่งมายังพวกเจ้าเป็นใคร? เขาก็ตอบว่า เขาคือรอซูลของอัลลอฮฺ...’” (รายงานโดย อะห์มัด : 18733 และอบู ดาวูด : 4753 สำนวนนี้เป็นของ อบู ดาวูด, ดู เศาะฮีหฺ สุนัน อบี ดาวูด : 3979)
2. จากอะนัส เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«الْعَبْدُ إِذَا وُضِعَ فِي قَبْرِهِ وَتُوُلِّيَ وَذَهَبَ أَصْحَابُهُ حَتَّى إِنَّهُ لَيَسْمَعُ قَرْعَ نِعَالِهِمْ، أَتَاهُ مَلَكَانِ فَأَقْعَدَاهُ فَيَقُولانِ لَهُ : مَا كُنْتَ تَقُولُ فِي هَذَا الرَّجُلِ مُحَمَّدٍ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ؟ فَيَقُولُ : أَشْهَدُ أَنَّهُ عَبْدُ اللَّهِ وَرَسُولُهُ. فَيُقَالُ : انْظُرْ إِلَى مَقْعَدِكَ مِنْ النَّارِ أَبْدَلَكَ اللَّهُ بِهِ مَقْعَدًا مِنْ الْجَنَّةِ. قَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : فَيَرَاهُمَا جَمِيعًا. وَأَمَّا الْكَافِرُ أَوْ الْمُنَافِقُ فَيَقُولُ : لاَ أَدْرِي كُنْتُ أَقُولُ مَا يَقُولُ النَّاسُ. فَيُقَالُ : لاَ دَرَيْتَ وَلاَ تَلَيْتَ. ثُمَّ يُضْرَبُ بِمِطْرَقَةٍ مِنْ حَدِيدٍ ضَرْبَةً بَيْنَ أُذُنَيْهِ فَيَصِيحُ صَيْحَةً يَسْمَعُهَا مَنْ يَلِيهِ إِلاَّ الثَّقَلَيْنِ» متفق عليه.
ความว่า “บ่าว ผู้หนึ่ง เมื่อได้ถูกวางลงในกุบูรฺเรียบร้อยแล้ว และบรรดาญาติมิตรได้หันหลังกลับจนบ่าวผู้นี้(สามารถที่จะ)ได้ยินเสียง รองเท้าของพวกเขา จะมีมลาอิกะฮฺสองท่านมาหาเขา ทั้งสองจัดให้เขาลุกขึ้นนั่งพร้อมกับกล่าวแก่เขาว่า ’เจ้าจะกล่าวว่าอย่างไรกับผู้ชายผู้นี้ที่ชื่อว่ามุหัมมัด?’ เขาก็ตอบไปว่า ’ฉันขอยืนยันว่าเขาคือบ่าวและรอซูลของอัลลอฮฺ’ ดังนั้นจึงมีการกล่าวแก่เขาว่า ’จงมองยังที่อยู่ของเจ้าในนรกซึ่งอัลลอฮฺได้เปลี่ยนมันด้วยที่อยู่สำหรับเจ้าในสวนสวรรค์แทนแล้ว’ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า ’เขาก็จะได้เห็นที่อยู่ทั้งสอง(ทั้งในนรกและในสวรรค์)’ และสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา(กาฟิรฺ) หรือผู้กลักกลอก(มุนาฟิก) เขาจะตอบว่า ’ฉันไม่รู้ ฉันเพียงแต่กล่าวว่าตามที่คนอื่นได้พากันกล่าว’ แล้วเขาผู้นั้นก็ได้รับการตอบกลับ(ด้วยคำกล่าวว่า) ’เจ้าไม่รู้ และไม่ได้อ่าน’ และ แล้วเขาผู้นั้นก็ถูกทุบด้วยค้อนเหล็กระหว่างสองใบหูของเขากระทั่งเขาร้อง โหยหวน(อย่างเจ็บปวด)จนผู้ที่อยู่ใกล้ๆ สามารถได้ยินเว้นเสียแต่มนุษย์และญินเท่านั้น (ที่ไม่สามารถได้ยิน)” (รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ : 1338 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน, มุสลิม : 2870)
- การถูกทรมานในหลุมฝังศพมีสองประเภท
1. คือ การถูกทรมานที่ไม่มีวันสิ้นสุดจนกว่าจะถึงวันกิยามะฮฺ นั่นคือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ปฏิเสธ(กาฟิรฺ) และผู้หลอกหลวงกลับกลอก(มุนาฟิก) ดังที่อัลลอฮฺได้อธิบายเกี่ยวกับพรรคพวกของฟิรฺอาวน์ว่า
«النَّارُ يُعْرَضُونَ عَلَيْهَا غُدُوّاً وَعَشِيّاً وَيَوْمَ تَقُومُ السَّاعَةُ أَدْخِلُوا آلَ فِرْعَوْنَ أَشَدَّ الْعَذَابِ»
ความว่า “ไฟ นรกนั้นจะถูกนำให้พวกเขาได้เห็นทั้งในยามเช้าและยามเย็น และในวันกิยามะฮฺนั้นจะมีเสียงกล่าวว่า จงให้บริวารของฟิรฺอาวน์เข้าไปรับการลงโทษอันแสนสาหัส” (ฆอฟิรฺ : 46)
2. การ ถูกทรมานในหลุมฝังศพช่วงระยะเวลาหนึ่งแต่จะมีวันสิ้นสุด ดังกล่าวนี้ คือ การทรมานสำหรับผู้ที่ศรัทธาในเอกภาพของอัลลอฮฺซึ่งได้กระทำผิด การทรมานนี้แล้วแต่ความผิดที่ได้กระทำลงไป แล้วจะมีการลดหย่อนการทรมานลงเรื่อยๆ หรือยุติการทรมานในที่สุดด้วยความโปรดปรานและความเมตตาของอัลลอฮฺหรือด้วยผล บุญที่ได้สั่งสมมา หรือเพราะมีการลดหย่อนด้วยเศาะดะเกาะฮฺญาริยะฮฺ(บริจาคทานในหนทางของอัลลอฮฺ ประเภทที่มีผลตอบแทนหรือผลบุญไม่ขาดสาย) หรือด้วยความรู้ที่ให้ประโยชน์ หรือด้วยบุตรที่ดีที่มีความกตัญญูรู้คุณซึ่งคอยขอดุอาอ์ให้แก่เขา และอื่นๆ
จากอิบนุ อุมัร เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุมา ได้กล่าวว่า ท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«إِنَّ أَحَدَكُمْ إِذَا مَاتَ عُرِضَ عَلَيْهِ مَقْعَدُهُ بِالْغَدَاةِ وَالْعَشِيِّ، إِنْ كَانَ مِنْ أَهْلِ الْجَنَّةِ فَمِنْ أَهْلِ الْجَنَّةِ، وَإِنْ كَانَ مِنْ أَهْلِ النَّارِ فَمِنْ أَهْلِ النَّارِ، يُقَالُ : هَذَا مَقْعَدُكَ حَتَّى يَبْعَثَكَ اللَّهُ إِلَيْهِ يَوْمَ الْقِيَامَةِ»
ความว่า “แท้ จริงผู้ใดผู้หนึ่งในหมู่พวกท่านเมื่อได้เสียชีวิตลงแล้ว จะถูกเสนอให้เขาเห็นสถานที่อยู่ของเขาทั้งในตอนเช้าและตอนเย็น ถ้าเขาเป็นพวกที่เป็นชาวสวรรค์ เขาก็จะถูกจัดให้เป็นชาวสวรรค์ ถ้าเขาเป็นพวกชาวนรก เขาก็จะถูกจัดให้เป็นพวกชาวนรก แล้วจะมีการกล่าวแก่เขาว่า นี่คือที่พำนักสำหรับเจ้า จนกว่าจะถึงให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งในวันกิยามะฮฺ” (รายงานโดยอัล-บุคอรีย์ : 1379, มุสลิม : 2866 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน)
- การเสพสุขในหลุมฝังศพ
การเสพสุขในหลุมฝังศพสำหรับบรรดาผู้ศรัทธานั้นมีจริง
1. อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า
«إِنَّ الَّذِينَ قَالُوا رَبُّنَا اللَّهُ ثُمَّ اسْتَقَامُوا تَتَنَزَّلُ عَلَيْهِمُ الْمَلائِكَةُ أَلَّا تَخَافُوا وَلا تَحْزَنُوا وَأَبْشِرُوا بِالْجَنَّةِ الَّتِي كُنْتُمْ تُوعَدُونَ»
ความว่า “แท้ จริงผู้กล่าวว่าอัลลอฮฺคือพระเจ้าของพวกเรา แล้วพวกเขายืนหยัดตามคำกล่าวนั้น มลาอิกะฮฺจะลงมาหาพวกเขา(ก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิตโดยกล่าวกับพวกเขาว่า) พวกท่านอย่าหวาดกลัวและอย่าเศร้าสลดใจ แต่จงต้อนรับข่าวดี คือ สวนสวรรค์ซึ่งพวกเจ้าได้ถูกสัญญาไว้” (ฟุศศิลัต : 30)
2. จากอัล-บัรรออ์ บิน อาซิบ เราะ ฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ได้กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของบรรดามุอ์มินเมื่อเขาได้ตอบคำถามของสองมลา อิกะฮฺในกุบูรฺว่า
«فَيُنَادِي مُنَادٍ فِي السَّمَاءِ أَنْ صَدَقَ عَبْدِي، فَأَفْرِشُوهُ مِنْ الْجَنَّةِ، وَأَلْبِسُوهُ مِنْ الْجَنَّةِ، وَافْتَحُوا لَهُ بَابًا إِلَى الْجَنَّةِ، قَالَ فَيَأْتِيهِ مِنْ رَوْحِهَا وَطِيبِهَا وَيُفْسَحُ لَهُ فِي قَبْرِهِ مَدَّ بَصَرِهِ» أخرجه أحمد وأبو داود.
ความว่า “และ แล้วได้มีผู้เรียกขานจากฟากฟ้าขึ้นมาว่า แท้จริงบ่าวของข้าผู้นี้เป็นผู้สัตย์จริง ดังนั้นพวกเจ้าจงปูที่อยู่ของเขาด้วยสิ่งที่มาจากสวรรค์ และจงแต่งตัวเขาด้วยสิ่งที่มาจากสวรรค์ และจงเปิดประตูสำหรับเขาไปสู่สวนสวรรค์ และแล้วกลิ่นอบอวนแห่งสวนสวรรค์ได้โชยให้เขาได้สัมผัสและได้ขยายกุบูรฺให้ เปิดกว้างสำหรับเขาจนสุดสายตา” (รายงานโดยอะห์มัด : 18733 สำนวนนี้เป็นของท่าน, และอบู ดาวูด : 4753, ดู เศาะฮีหฺ สุนัน อบี ดาวูด : 3979)
มุอ์ มินจะรอดพ้นจากความกลัวทั้งปวง จากการถูกทรมาน จากการถูกทารุณกรรมต่างๆในกุบูรฺ ด้วยปัจจัยหลากหลายสาเหตุ อาทิเช่น ด้วยสาเหตุการต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ การเสียชีวิตขณะเป็นผู้เฝ้าพิทักษ์ดินแดน การเสียชีวิตเพราะโรคในท้อง เป็นต้น
- ที่พำนักพักพิงของบรรดาวิญญาณ(รูหฺ)หลังจากที่ได้เสียชีวิตไปแล้วจนถึงวันกิยามะฮฺ
ดวงวิญญาณในโลกบัรฺซัค(โลกหลังจากที่มนุษย์ได้เสียชีวิตไปแล้ว)จะมีสภาพความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน
บรรดา รูหฺจำพวกหนึ่งจะมีที่พำนักที่สูงส่งเหนือกว่าผู้อื่นใดซึ่งอยู่ใกล้กับพระ ผู้เป็นเจ้าของเขานั่นคือบรรดารูหฺของนบีทั้งหลาย สถานที่พำนักอยู่ของพวกเขาเหล่านี้ก็จะมีความแตกต่างกันไปอีกเช่นกัน
และในบรรดารูหฺจะอยู่ในสภาพร่างของนกที่บินไปมาระหว่างต้นไม้ในสวรรค์ นั่นคือรูหฺของบรรดามุอ์มิน
และในบรรดารูหฺที่อยู่ในร่างของนกสีเขียวที่บินอย่างสำราญในสวนสวรรค์ นั่นคือรูหฺของบรรดาผู้ที่เสียชีวิตในการต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ
และในบรรดารูหฺที่ถูกจองจำไว้ในหลุมกุบูรฺ ดังเช่น รูหฺของผู้ที่ยักยอกทรัพย์สินที่ยึดมาได้จากการทำสงคราม เป็นต้น
และในบรรดารูหฺจะมีที่ถูกกักไว้ ณ ประตูแห่งสวนสวรรค์ อันมีสาเหตุมาจากการติดหนี้ที่เขายังไม่ได้ใช้คืนให้กับเจ้าของ
และมีรูหฺของพวกกลุ่มหนึ่งที่ถูกจองจำในพื้นพิภพอันมีสาเหตุของความต่ำต้อยของเจ้าของรูหฺเอง
และมีรูหฺจำพวกหนึ่งที่อยู่ในเตาไฟของพวกทำซินา(ผิดประเวณี)ทั้งชายและหญิง
และก็มีรูหฺที่เวียนว่ายในคลองเลือดและมันได้ถูกให้กินแต่ก้อนหิน พวกเขาเหล่านั้นคือผู้ที่กินดอกเบี้ยนั่นเอง ฯลฯ
http://www.islamhouse.com/tp/153594
วันอาคิเราะฮฺ คือ วันกิยามะฮฺที่อัลลอฮฺจะทรงให้ทุกสรรพสิ่งได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งเพื่อการสอบสวนและการตอบแทน การที่ได้ชื่อว่า “อัล-เยาม์ อัล-อาคิรฺ” (แปลว่า วันสุดท้าย) อันเนื่องมาจากไม่มีวันใดอีกแล้วหลังจากวันดังกล่าวนี้ เพราะชาวสวรรค์ก็จะพำนักอยู่ในสวรรค์จนไม่มีวันสิ้นสุดและชาวนรกก็จะพำนัก อยู่ในนรก
- บรรดาชื่อของวันอาคิเราะฮฺ
ชื่อของวันอาคิเราะฮฺมีหลายชื่อดังต่อไปนี้
วันแห่งการตื่นขึ้น(อัล-กิยามะฮฺ), วันแห่งการฟื้นคืน(อัล-บะอฺษ์), วันแห่งการพิพากษา(อัล-ฟัศล์), วันแห่งการออกจากสุสาน(อัล-คุรูจญ์), วันแห่งการตอบแทน(อัด-ดีน), วันแห่งความนิรันดร์(อัล-คุลูด), วันแห่งการสอบสวน(อัล-หิซาบ), วันแห่งสัญญา(อัล-วะอีด), วันแห่งการชุมนุม(อัล-ญัมอฺ), วันแห่งความมึนงง(อัต-ตะฆอบุน), วันแห่งการพบเจอ(อัต-ตะลาก), วันแห่งการเบี่ยงหนี(อัต-ตะนาด), วันแห่งความสำนึก/เสียดาย(อัล-หัสเราะฮฺ), เสียงหวีดร้อง(อัศ-ศ๊อคเคาะฮฺ), ความวิบัติอันใหญ่หลวง(อัฏ-ฏอมะตุลกุบรอ), ความวุ่นวายที่มืดมัว(อัล-ฆอชิยะฮฺ), สิ่งที่จะเกิดขึ้น(อัล-วากิอะฮฺ), การเผยความจริง(อัล-ห๊ากเกาะฮฺ), ความทุกข์ยากอันสาหัส(อัล-กอริอะฮฺ)
- การศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮฺ
การศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮฺ คือ การเชื่ออย่างแน่วแน่และเชื่ออย่างสัตย์จริงในทุกสิ่งที่อัลลอฮฺและรอซูลได้ กล่าวมา ทั้งในเรื่องการฟื้นคืนชีพ การไล่ต้อนสรรพสิ่งไปยังสนามรวม(มะหฺชัรฺ) การสอบสวน สะพานศิรอฎฺ ตาชั่งวัดความดีความชั่ว สวนสวรรค์ นรก และอื่นๆที่เกิดขึ้นในวันอาคิเราะฮฺ
และ เชื่อในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อนตาย นั่นก็คือ วันสิ้นโลกและเหตุการณ์ต่างๆที่เป็นสัญลักษณ์ของวันสิ้นโลก และเชื่อในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังความตายนั่นก็คือ เชื่อในฟิตนะฮฺ(การทดสอบ)ในหลุมฝังศพ การถูกทรมานและการเสวยสุขในหลุมฝังศพ
- ความยิ่งใหญ่ของวันอาคิเราะฮฺ
การ ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺเป็นรุก่นอีมาน(หลักการศรัทธา)ที่ยิ่งใหญ่ ที่สุด ซึ่งเมื่อรวมกับหลักการศรัทธาอื่นๆ ด้วยแล้ว ก็จะชี้วัดความมั่นคงในศรัทธาของมนุษย์ผู้หนึ่ง อีกทั้งยังเป็นหลักประกันถึงความสันติสุขและความสำเร็จทั้งในโลกนี้และโลก หน้าของเขา
ด้วยความสำคัญของการศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺ พระองค์จึงได้ระบุทั้งสองประการนี้เคียงคู่กันในหลายอายะฮฺของอัลกุรอาน เช่น
1. อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า
« ذَلِكُمْ يُوعَظُ بِهِ مَنْ كَانَ يُؤْمِنُ بِاللَّهِ وَالْيَوْمِ الْآخِر »
ความว่า “ดังกล่าวมานั้นผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺ จะถูกตักเตือนให้ถือปฏิบัติ“ (อัฏ-เฏาะลาก : 2)
2. อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า
«اللَّهُ لا إِلَهَ إِلَّا هُوَ لَيَجْمَعَنَّكُمْ إِلَى يَوْمِ الْقِيَامَةِ لا رَيْبَ فِيهِ»
ความว่า “อัล ลอฮฺนั้นคือพระเจ้าซึ่งไม่มีผู้ใดที่ควรต้องได้รับการเคารพสักการะโดยเที่ยง แท้ นอกจากพระองค์เท่านั้น แน่นอนพระองค์จะทรงรวบรวมพวกเจ้าทั้งหลายสู่วันกิยามะฮฺ ซึ่งไม่มีการสงสัยใดๆ ในวันนั้น” (อัน-นิสาอ์ : 87)
3. อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า
« فَإِنْ تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْءٍ فَرُدُّوهُ إِلَى اللَّهِ وَالرَّسُولِ إِنْ كُنْتُمْ تُؤْمِنُونَ بِاللَّهِ وَالْيَوْمِ الْآخِرِ»
ความว่า “หากพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใดก็จงนำสิ่งนั้นกลับไปยังอัลลอฮฺและรอซูล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺ...” (อัน-นิสาอ์ : 59)
1. จากอัล-บัรรออ์ บิน อาซิบ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ได้กล่าวว่า
«خَرَجْنَا مَعَ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِي جَنَازَةِ ... وفيه ـ قال النبي صلى الله عليه وسلم : وَيَأْتِيهِ مَلَكَانِ فَيُجْلِسَانِهِ فَيَقُولاَنِ لَهُ : مَنْ رَبُّكَ؟ فَيَقُولُ : رَبِّيَ اللَّهُ. فَيَقُولاَنِ لَهُ : مَا دِينُكَ؟ فَيَقُولُ : دِينِيَ الْإِسْلاَمُ. فَيَقُولاَنِ لَهُ : مَا هَذَا الرَّجُلُ الَّذِي بُعِثَ فِيكُمْ؟ قَالَ فَيَقُولُ : هُوَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ...» أخرجه أحمد وأبو داود.
ความว่า “พวก เราได้ออกไปพร้อมกับท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เนื่องจากมีผู้ที่เสียชีวิตผู้หนึ่ง...(ในหะดีษมีเนื้อหาตอนหนึ่งที่นบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า ‘และแล้ว มลาอิกะฮฺสองท่านก็ได้มาหาผู้ที่เสียชีวิต(ที่ถูกฝังอยู่ในกุบูรฺ) และมลาอิกะฮฺทั้งสองจัดให้เขาได้ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับได้กล่าวแก่เขาว่า ใครคือพระเจ้าของเจ้า? ผู้ที่เสียชีวิตก็ตอบว่า พระเจ้าของฉันคืออัลลอฮฺ แล้วมลาอิกะฮฺก็เอ่ยถามเขาต่อไปว่า แล้วศาสนาของเจ้าคือศาสนาอะไร? เขาก็ตอบไปว่า ศาสนาของฉันคืออิสลาม และมลาอิกะฮฺทั้งสองก็ได้ถามเขาต่อว่า และผู้ชายที่ถูกส่งมายังพวกเจ้าเป็นใคร? เขาก็ตอบว่า เขาคือรอซูลของอัลลอฮฺ...’” (รายงานโดย อะห์มัด : 18733 และอบู ดาวูด : 4753 สำนวนนี้เป็นของ อบู ดาวูด, ดู เศาะฮีหฺ สุนัน อบี ดาวูด : 3979)
2. จากอะนัส เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«الْعَبْدُ إِذَا وُضِعَ فِي قَبْرِهِ وَتُوُلِّيَ وَذَهَبَ أَصْحَابُهُ حَتَّى إِنَّهُ لَيَسْمَعُ قَرْعَ نِعَالِهِمْ، أَتَاهُ مَلَكَانِ فَأَقْعَدَاهُ فَيَقُولانِ لَهُ : مَا كُنْتَ تَقُولُ فِي هَذَا الرَّجُلِ مُحَمَّدٍ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ؟ فَيَقُولُ : أَشْهَدُ أَنَّهُ عَبْدُ اللَّهِ وَرَسُولُهُ. فَيُقَالُ : انْظُرْ إِلَى مَقْعَدِكَ مِنْ النَّارِ أَبْدَلَكَ اللَّهُ بِهِ مَقْعَدًا مِنْ الْجَنَّةِ. قَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : فَيَرَاهُمَا جَمِيعًا. وَأَمَّا الْكَافِرُ أَوْ الْمُنَافِقُ فَيَقُولُ : لاَ أَدْرِي كُنْتُ أَقُولُ مَا يَقُولُ النَّاسُ. فَيُقَالُ : لاَ دَرَيْتَ وَلاَ تَلَيْتَ. ثُمَّ يُضْرَبُ بِمِطْرَقَةٍ مِنْ حَدِيدٍ ضَرْبَةً بَيْنَ أُذُنَيْهِ فَيَصِيحُ صَيْحَةً يَسْمَعُهَا مَنْ يَلِيهِ إِلاَّ الثَّقَلَيْنِ» متفق عليه.
ความว่า “บ่าว ผู้หนึ่ง เมื่อได้ถูกวางลงในกุบูรฺเรียบร้อยแล้ว และบรรดาญาติมิตรได้หันหลังกลับจนบ่าวผู้นี้(สามารถที่จะ)ได้ยินเสียง รองเท้าของพวกเขา จะมีมลาอิกะฮฺสองท่านมาหาเขา ทั้งสองจัดให้เขาลุกขึ้นนั่งพร้อมกับกล่าวแก่เขาว่า ’เจ้าจะกล่าวว่าอย่างไรกับผู้ชายผู้นี้ที่ชื่อว่ามุหัมมัด?’ เขาก็ตอบไปว่า ’ฉันขอยืนยันว่าเขาคือบ่าวและรอซูลของอัลลอฮฺ’ ดังนั้นจึงมีการกล่าวแก่เขาว่า ’จงมองยังที่อยู่ของเจ้าในนรกซึ่งอัลลอฮฺได้เปลี่ยนมันด้วยที่อยู่สำหรับเจ้าในสวนสวรรค์แทนแล้ว’ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า ’เขาก็จะได้เห็นที่อยู่ทั้งสอง(ทั้งในนรกและในสวรรค์)’ และสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา(กาฟิรฺ) หรือผู้กลักกลอก(มุนาฟิก) เขาจะตอบว่า ’ฉันไม่รู้ ฉันเพียงแต่กล่าวว่าตามที่คนอื่นได้พากันกล่าว’ แล้วเขาผู้นั้นก็ได้รับการตอบกลับ(ด้วยคำกล่าวว่า) ’เจ้าไม่รู้ และไม่ได้อ่าน’ และ แล้วเขาผู้นั้นก็ถูกทุบด้วยค้อนเหล็กระหว่างสองใบหูของเขากระทั่งเขาร้อง โหยหวน(อย่างเจ็บปวด)จนผู้ที่อยู่ใกล้ๆ สามารถได้ยินเว้นเสียแต่มนุษย์และญินเท่านั้น (ที่ไม่สามารถได้ยิน)” (รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ : 1338 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน, มุสลิม : 2870)
- การถูกทรมานในหลุมฝังศพมีสองประเภท
1. คือ การถูกทรมานที่ไม่มีวันสิ้นสุดจนกว่าจะถึงวันกิยามะฮฺ นั่นคือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ปฏิเสธ(กาฟิรฺ) และผู้หลอกหลวงกลับกลอก(มุนาฟิก) ดังที่อัลลอฮฺได้อธิบายเกี่ยวกับพรรคพวกของฟิรฺอาวน์ว่า
«النَّارُ يُعْرَضُونَ عَلَيْهَا غُدُوّاً وَعَشِيّاً وَيَوْمَ تَقُومُ السَّاعَةُ أَدْخِلُوا آلَ فِرْعَوْنَ أَشَدَّ الْعَذَابِ»
ความว่า “ไฟ นรกนั้นจะถูกนำให้พวกเขาได้เห็นทั้งในยามเช้าและยามเย็น และในวันกิยามะฮฺนั้นจะมีเสียงกล่าวว่า จงให้บริวารของฟิรฺอาวน์เข้าไปรับการลงโทษอันแสนสาหัส” (ฆอฟิรฺ : 46)
2. การ ถูกทรมานในหลุมฝังศพช่วงระยะเวลาหนึ่งแต่จะมีวันสิ้นสุด ดังกล่าวนี้ คือ การทรมานสำหรับผู้ที่ศรัทธาในเอกภาพของอัลลอฮฺซึ่งได้กระทำผิด การทรมานนี้แล้วแต่ความผิดที่ได้กระทำลงไป แล้วจะมีการลดหย่อนการทรมานลงเรื่อยๆ หรือยุติการทรมานในที่สุดด้วยความโปรดปรานและความเมตตาของอัลลอฮฺหรือด้วยผล บุญที่ได้สั่งสมมา หรือเพราะมีการลดหย่อนด้วยเศาะดะเกาะฮฺญาริยะฮฺ(บริจาคทานในหนทางของอัลลอฮฺ ประเภทที่มีผลตอบแทนหรือผลบุญไม่ขาดสาย) หรือด้วยความรู้ที่ให้ประโยชน์ หรือด้วยบุตรที่ดีที่มีความกตัญญูรู้คุณซึ่งคอยขอดุอาอ์ให้แก่เขา และอื่นๆ
จากอิบนุ อุมัร เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุมา ได้กล่าวว่า ท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«إِنَّ أَحَدَكُمْ إِذَا مَاتَ عُرِضَ عَلَيْهِ مَقْعَدُهُ بِالْغَدَاةِ وَالْعَشِيِّ، إِنْ كَانَ مِنْ أَهْلِ الْجَنَّةِ فَمِنْ أَهْلِ الْجَنَّةِ، وَإِنْ كَانَ مِنْ أَهْلِ النَّارِ فَمِنْ أَهْلِ النَّارِ، يُقَالُ : هَذَا مَقْعَدُكَ حَتَّى يَبْعَثَكَ اللَّهُ إِلَيْهِ يَوْمَ الْقِيَامَةِ»
ความว่า “แท้ จริงผู้ใดผู้หนึ่งในหมู่พวกท่านเมื่อได้เสียชีวิตลงแล้ว จะถูกเสนอให้เขาเห็นสถานที่อยู่ของเขาทั้งในตอนเช้าและตอนเย็น ถ้าเขาเป็นพวกที่เป็นชาวสวรรค์ เขาก็จะถูกจัดให้เป็นชาวสวรรค์ ถ้าเขาเป็นพวกชาวนรก เขาก็จะถูกจัดให้เป็นพวกชาวนรก แล้วจะมีการกล่าวแก่เขาว่า นี่คือที่พำนักสำหรับเจ้า จนกว่าจะถึงให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งในวันกิยามะฮฺ” (รายงานโดยอัล-บุคอรีย์ : 1379, มุสลิม : 2866 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน)
- การเสพสุขในหลุมฝังศพ
การเสพสุขในหลุมฝังศพสำหรับบรรดาผู้ศรัทธานั้นมีจริง
1. อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า
«إِنَّ الَّذِينَ قَالُوا رَبُّنَا اللَّهُ ثُمَّ اسْتَقَامُوا تَتَنَزَّلُ عَلَيْهِمُ الْمَلائِكَةُ أَلَّا تَخَافُوا وَلا تَحْزَنُوا وَأَبْشِرُوا بِالْجَنَّةِ الَّتِي كُنْتُمْ تُوعَدُونَ»
ความว่า “แท้ จริงผู้กล่าวว่าอัลลอฮฺคือพระเจ้าของพวกเรา แล้วพวกเขายืนหยัดตามคำกล่าวนั้น มลาอิกะฮฺจะลงมาหาพวกเขา(ก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิตโดยกล่าวกับพวกเขาว่า) พวกท่านอย่าหวาดกลัวและอย่าเศร้าสลดใจ แต่จงต้อนรับข่าวดี คือ สวนสวรรค์ซึ่งพวกเจ้าได้ถูกสัญญาไว้” (ฟุศศิลัต : 30)
2. จากอัล-บัรรออ์ บิน อาซิบ เราะ ฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ได้กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของบรรดามุอ์มินเมื่อเขาได้ตอบคำถามของสองมลา อิกะฮฺในกุบูรฺว่า
«فَيُنَادِي مُنَادٍ فِي السَّمَاءِ أَنْ صَدَقَ عَبْدِي، فَأَفْرِشُوهُ مِنْ الْجَنَّةِ، وَأَلْبِسُوهُ مِنْ الْجَنَّةِ، وَافْتَحُوا لَهُ بَابًا إِلَى الْجَنَّةِ، قَالَ فَيَأْتِيهِ مِنْ رَوْحِهَا وَطِيبِهَا وَيُفْسَحُ لَهُ فِي قَبْرِهِ مَدَّ بَصَرِهِ» أخرجه أحمد وأبو داود.
ความว่า “และ แล้วได้มีผู้เรียกขานจากฟากฟ้าขึ้นมาว่า แท้จริงบ่าวของข้าผู้นี้เป็นผู้สัตย์จริง ดังนั้นพวกเจ้าจงปูที่อยู่ของเขาด้วยสิ่งที่มาจากสวรรค์ และจงแต่งตัวเขาด้วยสิ่งที่มาจากสวรรค์ และจงเปิดประตูสำหรับเขาไปสู่สวนสวรรค์ และแล้วกลิ่นอบอวนแห่งสวนสวรรค์ได้โชยให้เขาได้สัมผัสและได้ขยายกุบูรฺให้ เปิดกว้างสำหรับเขาจนสุดสายตา” (รายงานโดยอะห์มัด : 18733 สำนวนนี้เป็นของท่าน, และอบู ดาวูด : 4753, ดู เศาะฮีหฺ สุนัน อบี ดาวูด : 3979)
มุอ์ มินจะรอดพ้นจากความกลัวทั้งปวง จากการถูกทรมาน จากการถูกทารุณกรรมต่างๆในกุบูรฺ ด้วยปัจจัยหลากหลายสาเหตุ อาทิเช่น ด้วยสาเหตุการต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ การเสียชีวิตขณะเป็นผู้เฝ้าพิทักษ์ดินแดน การเสียชีวิตเพราะโรคในท้อง เป็นต้น
- ที่พำนักพักพิงของบรรดาวิญญาณ(รูหฺ)หลังจากที่ได้เสียชีวิตไปแล้วจนถึงวันกิยามะฮฺ
ดวงวิญญาณในโลกบัรฺซัค(โลกหลังจากที่มนุษย์ได้เสียชีวิตไปแล้ว)จะมีสภาพความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน
บรรดา รูหฺจำพวกหนึ่งจะมีที่พำนักที่สูงส่งเหนือกว่าผู้อื่นใดซึ่งอยู่ใกล้กับพระ ผู้เป็นเจ้าของเขานั่นคือบรรดารูหฺของนบีทั้งหลาย สถานที่พำนักอยู่ของพวกเขาเหล่านี้ก็จะมีความแตกต่างกันไปอีกเช่นกัน
และในบรรดารูหฺจะอยู่ในสภาพร่างของนกที่บินไปมาระหว่างต้นไม้ในสวรรค์ นั่นคือรูหฺของบรรดามุอ์มิน
และในบรรดารูหฺที่อยู่ในร่างของนกสีเขียวที่บินอย่างสำราญในสวนสวรรค์ นั่นคือรูหฺของบรรดาผู้ที่เสียชีวิตในการต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ
และในบรรดารูหฺที่ถูกจองจำไว้ในหลุมกุบูรฺ ดังเช่น รูหฺของผู้ที่ยักยอกทรัพย์สินที่ยึดมาได้จากการทำสงคราม เป็นต้น
และในบรรดารูหฺจะมีที่ถูกกักไว้ ณ ประตูแห่งสวนสวรรค์ อันมีสาเหตุมาจากการติดหนี้ที่เขายังไม่ได้ใช้คืนให้กับเจ้าของ
และมีรูหฺของพวกกลุ่มหนึ่งที่ถูกจองจำในพื้นพิภพอันมีสาเหตุของความต่ำต้อยของเจ้าของรูหฺเอง
และมีรูหฺจำพวกหนึ่งที่อยู่ในเตาไฟของพวกทำซินา(ผิดประเวณี)ทั้งชายและหญิง
และก็มีรูหฺที่เวียนว่ายในคลองเลือดและมันได้ถูกให้กินแต่ก้อนหิน พวกเขาเหล่านั้นคือผู้ที่กินดอกเบี้ยนั่นเอง ฯลฯ
http://www.islamhouse.com/tp/153594
Mon Jan 24, 2011 4:51 pm by hossam Masri
» Muslims Majority in Europe Within 20 Years
Mon Jan 24, 2011 11:01 am by hossam Masri
» A Conversation with Ingrid Mattson
Mon Jan 24, 2011 10:46 am by hossam Masri
» القران الكريم Quran Mishary Alafasy
Sun Jan 23, 2011 2:27 am by hossam Masri
» صفحة الشيخ مشاري راشد العفاسي
Sun Jan 23, 2011 2:20 am by hossam Masri
» بر الوالدين طريقك إلى الجنة
Fri Jan 21, 2011 1:57 am by hossam Masri
» مليار وأربعون مليون وتسعمائة وثلاثة وسبعون ألف وثمانمائة وأربعة وعشرون حسنة
Fri Jan 21, 2011 1:43 am by hossam Masri
» سمية علي الديب في برنامج علم القرآن على قناة أزهري
Tue Jan 18, 2011 5:44 pm by hossam Masri
» قناة أزهرى برنامج علم القرآن الحقة
Tue Jan 18, 2011 5:12 pm by hossam Masri
» تحزيرنرجوا من الأخوة الأعضاء في الفيس بوك
Tue Jan 18, 2011 11:18 am by hossam Masri
» çocuk hafız sümeyye eldeb
Tue Jan 18, 2011 11:08 am by hossam Masri
» çocuk hafız sümeyye eldeb
Tue Jan 18, 2011 10:50 am by hossam Masri
» Somaya Abdul Aziz Eddeb - Surat Al Shams
Tue Jan 18, 2011 10:21 am by hossam Masri
» Summaya Eddeb--Surah Al Fajr
Tue Jan 18, 2011 10:12 am by hossam Masri
» Blind Student Recites Quran
Tue Jan 18, 2011 10:07 am by hossam Masri
» Little Boy Recites Quran
Tue Jan 18, 2011 10:01 am by hossam Masri
» Solutions: How to Deal With the Quran
Tue Jan 18, 2011 9:52 am by hossam Masri
» Solutions: Being Dutiful to Parents
Tue Jan 18, 2011 9:38 am by hossam Masri
» Solutions: The Concept of Worship in Islam
Tue Jan 18, 2011 9:31 am by hossam Masri
» Why a man can have four wives while a woman can not have more than one husband?
Tue Jan 18, 2011 9:23 am by hossam Masri
» Why a man can have four wives while a woman can not have more than one husband?
Tue Jan 18, 2011 9:22 am by hossam Masri
» Misrepresentation and lies about the Qur'an
Tue Jan 18, 2011 9:13 am by hossam Masri
» Sh. Yusuf Estes' Advice to Muslims
Tue Jan 18, 2011 8:49 am by hossam Masri
» How does Islam say to deal with Non Muslims?
Tue Jan 18, 2011 8:44 am by hossam Masri
» Priests and Preachers enter Islam
Tue Jan 18, 2011 8:38 am by hossam Masri
» لا تعرض نفسك للفتنة
Tue Jan 18, 2011 8:12 am by hossam Masri
» Learn Tajweed with Shaikh Yasir Qadhi
Sat Jan 15, 2011 7:46 pm by hossam Masri
» 7 - Learn Tajweed with Shaikh Yasir Qadhi - The Noble Emissaries (As-Safara Al-Keram)
Sat Jan 15, 2011 7:43 pm by hossam Masri
» 6 - Learn Tajweed with Shaikh Yasir Qadhi - The Noble Emissaries (As-Safara Al-Keram)
Sat Jan 15, 2011 7:40 pm by hossam Masri
» 5 - Learn Tajweed with Shaikh Yasir Qadhi - The Noble Emissaries (As-Safara Al-Keram)
Sat Jan 15, 2011 7:38 pm by hossam Masri
» 4 - Learn Tajweed with Shaikh Yasir Qadhi - The Noble Emissaries (As-Safara Al-Keram)
Sat Jan 15, 2011 7:35 pm by hossam Masri
» 3 - Learn Tajweed with Shaikh Yasir Qadhi - The Noble Emissaries (As-Safara Al-Keram)
Sat Jan 15, 2011 7:32 pm by hossam Masri
» 2 - Learn Tajweed with Shaikh Yasir Qadhi - The Noble Emissaries (As-Safara Al-Keram)
Sat Jan 15, 2011 7:27 pm by hossam Masri
» 1 - Learn Tajweed with Shaikh Yasir Qadhi - Introduction - The Noble Emissaries (As-Safara Al-Keram)
Sat Jan 15, 2011 7:24 pm by hossam Masri
» Quran Subjects
Sat Jan 15, 2011 2:34 am by hossam Masri
» حج المرأة
Sat Jan 15, 2011 2:19 am by hossam Masri
» تعريف الاسلام The definition of Islam
Wed Jan 12, 2011 4:50 pm by hossam Masri
» الوحدة الوطنيه في مصر المسلم والقبطى أخوه بوحدة الدم والأرض
Mon Jan 10, 2011 2:37 pm by hossam Masri
» كيف كرم النبي محمد أقباط مصر
Mon Jan 10, 2011 2:22 pm by hossam Masri
» الأرض المقدسة - حب الأقصى
Mon Jan 10, 2011 11:29 am by hossam Masri
» التيه - اليقين في الله
Mon Jan 10, 2011 11:21 am by hossam Masri
» قصة نبى الله موسى والخضر - قصص القرآن عمرو خالد
Mon Jan 10, 2011 11:12 am by hossam Masri
» قصة السيدة مريم - قصص القرآن عمرو خالد
Mon Jan 10, 2011 10:59 am by hossam Masri
» سيدنا يوسف وفتنة النساء- كنوز - عمرو خالد
Mon Jan 10, 2011 10:53 am by hossam Masri
» قبل بدء الخلق- كنوز 1- عمرو خالد
Sun Jan 09, 2011 6:46 pm by hossam Masri
» قبل بدء الخلق- كنوز 1- عمرو خالد
Sun Jan 09, 2011 6:45 pm by hossam Masri
» هل صوت المرأة عورة؟؟
Thu Jan 06, 2011 3:31 pm by hossam Masri
» (الإسلام بكل لغات العالم) Islam in all languages of the world
Wed Jan 05, 2011 10:55 am by hossam Masri
» Islam Türkçe
Wed Jan 05, 2011 10:50 am by hossam Masri
» Islam Nederlands
Wed Jan 05, 2011 10:46 am by hossam Masri
» Islam Italiano
Wed Jan 05, 2011 10:42 am by hossam Masri
» Islam Indonesia
Wed Jan 05, 2011 10:40 am by hossam Masri
» Islam Français
Wed Jan 05, 2011 10:38 am by hossam Masri
» Islam Español
Wed Jan 05, 2011 10:35 am by hossam Masri
» Islam English
Wed Jan 05, 2011 10:33 am by hossam Masri
» Islam Deutsch
Wed Jan 05, 2011 10:30 am by hossam Masri
» Islam Bosanski
Wed Jan 05, 2011 10:27 am by hossam Masri
» Islam Azərbaycanca
Wed Jan 05, 2011 10:25 am by hossam Masri
» حتى لا تشتعل مصر
Wed Jan 05, 2011 9:13 am by hossam Masri
» Islam in Spanish - ISLAM EN ESPAÑOL 1/7
Wed Jan 05, 2011 6:14 am by hossam Masri
» رسالة لكل من تحب على الأنترنت رسالة هامة
Wed Jan 05, 2011 5:52 am by hossam Masri
» A) The Quran on Human Embryonic Development:
Mon Jan 03, 2011 6:59 pm by hossam Masri
» Some Basic Islamic Beliefs
Mon Jan 03, 2011 6:35 pm by hossam Masri
» Welcome to The Quran DVDWelcome to The Quran DVDWelcome to The Quran DVD
Sun Jan 02, 2011 4:44 pm by hossam Masri
» learn an Arabic Language.
Sun Jan 02, 2011 4:33 pm by hossam Masri
» Honey kills Bacteria that resist antibiotics
Sat Jan 01, 2011 9:05 pm by hossam Masri
» انا مصرى ضد الارهاب ودعوه جماعيه
Sat Jan 01, 2011 8:40 pm by hossam Masri
» ھۆججەت ئۇلىنىشى islamhouse
Mon Dec 27, 2010 9:02 am by hossam Masri
» ھۆججەت ئۇلىنىشى islamhouse
Mon Dec 27, 2010 9:02 am by hossam Masri
» روزا ھەققىدە 70 مەسىلە
Mon Dec 27, 2010 8:56 am by hossam Masri
» پەزىلەتلىك شەيخ مۇھەممەد سالىھ ئەلمۇنەججىد
Mon Dec 27, 2010 8:52 am by hossam Masri
» The Right Creed from the Book and the Sunnah
Mon Dec 27, 2010 8:35 am by hossam Masri
» موقع العفاسي Site .alafasy
Mon Dec 27, 2010 4:00 am by hossam Masri
» Relief through Supplication
Sun Dec 26, 2010 6:23 pm by hossam Masri
» )))))Huda TV
Sun Dec 26, 2010 6:05 pm by hossam Masri
» نعمة الإيمان
Sat Dec 25, 2010 4:09 pm by hossam Masri
» سيرة مصعب بن عمير رضي الله عنه
Sat Dec 25, 2010 3:21 pm by hossam Masri
» رساله الي ارهابي
Fri Dec 24, 2010 10:36 pm by hossam Masri
» محمد رسول الله صل الله عليه وسلم
Wed Dec 22, 2010 12:43 am by hossam Masri
» جسم الإنسان فى القرآن
Tue Dec 21, 2010 11:15 am by hossam Masri
» لأعمال التي تدخل صاحبها النار؛؛أسماء المبشرون بالنار .
Tue Dec 21, 2010 8:06 am by hossam Masri
» Insha Allah
Mon Dec 20, 2010 5:53 pm by hossam Masri
» LOVE IN ISLAM
Mon Dec 20, 2010 5:34 pm by hossam Masri
» Islam is the way of life for those who believe in God and want to live a life in worship and obedience to none but God.
Mon Dec 20, 2010 4:42 pm by hossam Masri
» CNN Reports: Powerball is Fireball
Mon Dec 20, 2010 4:25 pm by hossam Masri
» NO ALCOHOL, ABSOLUTELY AND POSITIVELY! لا الكحول، تماما وبشكل إيجابي!
Mon Dec 20, 2010 4:08 pm by hossam Masri
» The Islamic Wills الوصايا الإسلامية
Mon Dec 20, 2010 4:02 pm by hossam Masri
» العلاقة بين الوالدين والطفل في الإسلام Parent-Child Relationship in Islam
Mon Dec 20, 2010 3:58 pm by hossam Masri
» Family - Basis for Society
Mon Dec 20, 2010 3:43 pm by hossam Masri
» الطريق الروحي للإسلام The Spiritual Path of Islam
Mon Dec 20, 2010 3:21 pm by hossam Masri
» Social System of Islam
Mon Dec 20, 2010 3:02 pm by hossam Masri
» The Islamic Concept of Life
Mon Dec 20, 2010 2:50 pm by hossam Masri
» Parent-Child Relationship in Islam
Mon Dec 20, 2010 2:33 pm by hossam Masri
» Translation of the meaning of the Holy Quran in Russian Language - Al-Fatiha and Chapter Amma
Mon Dec 20, 2010 12:26 am by hossam Masri
» هل اقتبس القران من كتب اليهود والنصاري
Sun Dec 19, 2010 6:55 pm by hossam Masri
» دوعاو ئهذكارو ئاداب بۆ منداڵان له سوننهتی صهحیحی پێغهمبهرمان صلى الله عليه وسلم
Sat Dec 18, 2010 5:42 pm by hossam Masri
» دوعاو ئهذكارو ئاداب بۆ منداڵان له سوننهتی صهحیحی پێغهمبهرمان صلى الله عليه وسلم
Sat Dec 18, 2010 5:40 pm by hossam Masri
» حوكمی لهبهركردنی جل وبهرگ كه وێنهی تێدایه
Sat Dec 18, 2010 5:26 pm by hossam Masri
» لێكۆڵینهوهیهكی فقهی سهبارهت بهڕۆژووی مانگی شهعبان
Sat Dec 18, 2010 5:18 pm by hossam Masri